
10 ทักษะที่ผู้นำจำเป็นต้องมี
การจะเป็นหัวหน้าที่ยอดเยี่ยมนั้น ทุกคนล้วนเคยผ่านช่วงปรับตัวมาก่อน ทุกคนต้องมีลูกน้องอย่างน้อย 1 คน ที่ไม่เคารพ กบฏ นินทา เกลียด ไม่มีหัวหน้าคนไหนไม่เจอเรื่องพวกนี้หรอกครับ
นี่เป็นคุณสมบัติที่ผู้นำจำนวน 300,000 คน มองย้อนไปในประสบการณ์การทำงานของตัวเอง และตอบคำถามที่ว่า คุณสมบัติอะไรที่ทำให้คนเป็นผู้นำประสบความสำเร็จ
1. จุดไฟ (Inspire and Motivates others)
ทีมท้ายตารางที่เล่นด้วยไฟสามารถชนะทีมหัวตารางที่เล่นแบบขี้เกียจได้ 3-0 แบบสบายๆ เพราะผลลัพธ์ของทุกอย่างไม่ได้ขึ้นกับความสามารถอย่างเดียว แต่ขึ้นกับไฟด้วย และไม่มีงานไหนที่เรียกได้ว่า masterpiece ถ้ามันถูกสร้างจากความขี้เกียจ
คนทุกคนต้องการไฟในการทำงาน ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ ไม่มีใครอยากเปื่อยไปวันๆ แต่อยากได้เป้าหมาย อยากได้แรงขับเคลื่อนที่จะพาเขาไปให้ไกลกว่าที่เป็นตอนนี้
ความสามารถในการจุดไฟคือการทำให้คนๆหนึ่งอยู่ในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดที่เขาจะเป็นได้ คนที่ทำได้ควรถูกเรียกว่าผู้นำไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม
2. จริงใจ (Displays High Integrity and Honesty)
– แก่นของทุกความสัมพันธ์คือความจริงใจ –
หัวหน้ากับลูกน้องมีกำแพงหลายชั้น อาจจะทั้งเรื่องอายุ เรื่องอำนาจ แต่สิ่งที่ก้าวข้ามกำแพงทั้งหลายได้คือความจริงใจ และทำให้เกิดเป็นความสัมพันธ์จริงๆ
พอมีความสัมพันธ์ที่จริงใจ การสื่อสารก็ง่ายและมีประสิทธิภาพ ทีมที่แข็งแรงคือทีมที่มีความสัมพันธ์ลักษณะนี้ และผู้นำต้องเป็นคนเริ่มความสัมพันธ์นี้
3. นักแก้ปัญหา (Solves Problems and Analyzes Issues)
– งานกับปัญหาเป็นของคู่กัน ยิ่งอยู่ในตำแหน่งหัวหน้า สบายใจได้เลยว่ามีปัญหาเข้ามาไม่จบสิ้น –
ผู้นำที่แก้ปัญหาได้ดีจะแก้ได้ตรงจุดและรวดเร็ว ลูกน้องจะรับรู้ได้ว่าที่เขาทำงานไม่สะดุดเพราะมีผู้นำที่เป็นนักแก้ปัญหา
และที่ทำให้ลูกน้องเคารพคือ หัวหน้าที่แก้ปัญหาได้ไหลลื่นโดยไม่ให้ปัญหามากระทบอารมณ์ ยังทำงานด้วยอารมณ์ที่เป็นบวก ถึงแม้เช้านี้จะเจอปัญหาทับถมกัน 3-4 ครั้งแล้วก็ตาม
4. กระหาย (Drive for Results)
อารมณ์สื่อถึงกันได้ เวลาลูกน้องเห็นหัวหน้ามีไฟ ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะถึงเป้าหมาย ลูกน้องก็รับอารมณ์นั้นไปด้วย
– ทีมที่ขับเคลื่อนด้วย passion สามารถทำผลงานที่พิเศษกว่าทีมที่ทำงานด้วยอารมณ์ธรรมดาๆ –
5. สื่อสารอย่างมีน้ำหนักและหลากหลาย (Communicates Powerfully and Prolifically)
ผู้นำที่ทักษะการสื่อสารสูงรับมือได้กับทุกสถานการณ์ จะความขัดแย้งภายใน, ปัญหากับแผนกอื่น, ปัญหากับลูกค้า ผู้นำที่มีทักษะการสื่อสารเข้ามาและคลี่คลายหรือบรรเทาปัญหาได้ด้วยคำพูด
เพราะผู้นำต้องสื่อสารทั้งวัน การมีทักษะการสื่อสารจึงทำให้ชีวิตการทำงานราบรื่นขึ้น, ได้งานมากขึ้น, และมักมีความสุขกว่าผู้นำที่ขาดทักษะนี้
6. สร้างความสัมพันธ์ (Builds Relationships)
ผู้นำที่วางตัวเองให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่าย รวมถึงดูแลความสัมพันธ์ของคนในทีมให้รักใคร่กลมเกลียว จะสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีให้กับทีม ทำให้ในทีมมีความสุขในการทำงาน ทำงานดีๆออกมาได้ลื่นไหล รวมถึงเป็นความสุขของตัวผู้นำเองด้วย
7. เก่งงาน (Displays Technical or Professional Expertise)
สำหรับในทีม ผู้นำไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีทักษะเฉพาะทางสูงที่สุด แต่การที่มีทั้งทักษะผู้นำ และมีทั้งทักษะเฉพาะทางสูง ลูกน้องจะให้ความเชื่อใจและความเคารพเป็นพิเศษ เพราะรู้ว่าหัวหน้าเข้าใจและรู้จริงในงานที่เขาทำ
8. นักวางแผน (Displays a Strategic Perspective)
– ลูกน้องใช้แรงและเวลาในการทำงาน เขาต้องการรู้ว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่มีทิศทางและจะไม่สูญเปล่า –
หัวหน้าที่แจกแจงได้ว่า เรากำลังจะไปทางไหน เป้าหมายคืออะไร แล้วหลังจากนี้จะไปไหนต่อ ทำให้ลูกน้องรู้ว่ามีผู้นำที่เชื่อถือได้ และให้ความทุ่มเทกับงานมากขึ้นเพราะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของงาน
9. นักสร้างคน (Develops others)
– ลูกน้องหลายคนมีความรู้สึกให้หัวหน้าเหมือนคนในครอบครัว ถึงไม่ได้ร่วมงานกันแล้วก็ยังคงความรู้สึกนี้ไว้ –
เพราะผู้นำที่เป็นนักสร้างคนพาคนไปสู่การเติบโตจริงๆ คอยให้คำปรึกษาแบบเดียวกับที่เขาทำกับคนในครอบครัว และอาจไม่ได้ตีกรอบแค่เรื่องงานแต่รวมไปถึงเรื่องชีวิตด้วย ลูกน้องเลยให้ความเชื่อใจเต็มร้อยโดยไม่มีข้อสงสัย ทำให้ระหว่างที่ร่วมงานกัน สามารถร่วมกันสร้างผลงานพิเศษแบบที่ความสัมพันธ์ทั่วๆไปทำได้ยาก
10. ริเริ่ม (Innovates)
– ผู้นำเป็นผู้เริ่ม ผู้นำไม่รอให้อะไรๆเกิดขึ้นด้วยตัวเอง แต่ลงมือทำเพื่อสร้างมันขึ้นมา –
แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ถ้าผู้นำมองแล้วว่ามันเป็นไปได้ และเป็นประโยชน์ต่อทีม ผู้นำจะลงมือทำจนกว่าจะสำเร็จ